วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Present simple tense

โครงสร้าง : Subject + Verb 1 + (Object)

หลักการใช้
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ หรือเหตุการณ์ที่เป็นไปตามธรรมชาติ เช่น
  • The sun rises in the east. (พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก)
  • The cat has four legs. (แมวมีสี่ขา)
2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่เป็นปรกตินิสัย หรือการกระทำนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำมี Adverb of Frequency แสดง
  • I have my breakfast everyday. (ผมรับประทานอาหารเช้าทุกวัน)
  • Everybody wears thick clothes in winter. (ทุกๆ คนสวมเสื้อหนาๆ ในฤดูหนาว)
  • We go to temple every Sunday. (พวกเราไปวัดทุกๆ วันอาทิตย์)
3. ใช้แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือสภาพที่เป็นปัจจุบัน เช่น
  • She understands what you say. (เธอเข้าใจที่คุณพูด)
  • I have four notebooks in the suitcase. (ฉันมีสมุด 4 เล่มอยู่ในกระเป๋า)
4. ใช้แสดงถึงการกระทำในอนาคต ซึ่งตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะปฏิบัติ
  • The next semester begins in two weeks. (อีก 2 อาทิตย์จึงจะเปิดเทอมหน้า)
  • He sets sail on Saturday for Samui. (เขาจะออกเรือไปสมุยในวันเสาร์)
หมายเหตุ* อย่าลืมนะว่าถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม S
หลักการเติม s ที่คำกริยา
1.กริยาที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, o, หรือ x ให้เติม e ก่อนแล้วจึงเติม s เช่น
  • pass – passes = ผ่าน
  • brush – brushes = แปรงฟัน
  • catch – catches = จับ
  • go – goes = ไป
  • box – boxes = ชก
2.กริยาที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วจึงเติม es เช่น
  • cry – cries = ร้องไห้
  • fry – fries = ทอด
  • try – tries = พยายามข้อยกเว้น ถ้ากริยานั้นหน้า y เป็นสระ ให้เติม s ได้เลย เช่น
  • play – plays = เล่น             stay – stays = พัก
3. กริยาที่นอกเหนือจากที่กล่าวในข้อ 1 และ ข้อ 2 ให้เติม s ได้เลย

ประโยคต่าง ๆ ของ Present simple tense.

1. ประโยค Present Simple Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง :              Subject + Verb 1 (s )
( ประธาน + กริยาช่องที่ 1 ( s ) )
( เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 หลังคำกริยาจะต้องเติม s )
ตัวอย่าง :
  • 1.   I go to school by car. (ฉันไปโรงเรียนโดยรถยนต์)
  • 2. He walks to school. ( เขาเดินไปโรงเรียน )
  • 3. You play football every day. ( คุณเล่นฟุตบอลทุกวัน )
  • 4. Somsri and Somsak study English every day .( สมศรีและสมศักดิ์เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน )

2. ประโยค Present Simple Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Present Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ
ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do มาช่วย มีหลักการใช้ดังนี้
do ใช้กับประธานพหูพจน์ และ I กับ you
does ใช้กับประธานเอกพจน์ ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง :                Subject + do / does + not + Verb 1
( ประธาน + do / does + not + กริยาช่องที่ 1 )
ตัวอย่าง :
  • 1.  I do not ( don’t ) go to school by car. ( ฉันไม่ไปโรงเรียนโดยรถยนต์ )
  • 2. He does not ( doesn’t ) walk to school. ( เขาไม่เดินไปโรงเรียน )
  • 3. You do not play football every day. ( คุณไม่เล่นฟุตบอลทุกวัน )
  • 4. Somsri and Somsak do not study English every day .( สมศรีและสมศักดิ์ไม่เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน )
ข้อสังเกต :    เมื่อนำ does มาช่วยในประโยคแล้ว ต้องตัด s ออกด้วย
3. ประโยค Present Simple Tense เชิงคำถามและการตอบ
เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Present Simple Tense ให้มีความหมายเชิงคำถาม
ทำได้ด้วยการนำ do หรือ does มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No
ซึ่งมีโครงสร้างของประโยคดังนี้
โครงสร้าง :          Do / Does + Subject + Verb 1 ?
( Do / Does + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 )
ตัวอย่าง :
1. Does he walk to school ? (เขาเดินไปโรงเรียนใช่หรือไม่ )
  • Yes, he does. ( ใช่ เขาเดินไปโรงเรียน )
  • No, he doesn’t. ( ไม่ใช่ เขาไม่ได้เดินไปโรงเรียน )
2. Do you play football every day ? ( คุณเล่นฟุตบอลทุกวันใช่หรือไม่ )
  • Yes, I do. ( ใช่ ฉันเล่นฟุตบอลทุกวัน )
  • No, I don’t. ( ไม่ใช่ ฉันไม่ได้เล่นฟุตบอลทุกวัน )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น