วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คำคุณศัพท์

ในหลักการเรียนภาษาอังกฤษ มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับที่ต้องจำและเรียนรู้ในเรื่องของการเรียนรู้และนำไปใช้ อย่างที่หลายๆคนทราบในขั้นต้นนั้นก็คือ การฝึกเขียน ท่องจำคำศัพท์ต่างๆ ซึ่งมีมากมายถึงหลายหมื่นหลายแสนคำ แต่ในจึงค่อยๆเพิ่มขีดและระดับความยากและจำนวนคำที่มากขึ้นตามไปทีละขั้นตอน และในขั้นต่อมาก็คือการฝึกใช้คำนำหน้าคำนามประเภท Article ที่มีทั้ง a , an , the จนกระทั่งขั้นต่อมาคือการหัดแต่งประโยคแบบต่างๆ ทั้งประโยคบอกเล่า ประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ
แต่ต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่จะช่วยเติมแต่งให้ประโยคชนิดต่างๆ มีความสมบูรณ์ทั้งในเรื่องของโครงสร้างและความหมายได้นั้น นอกจากการมีกริยาหรือ Verb to be ในบางชนิดมาช่วยแล้ว บางครั้งเรายังจำเป็นต้องมีคำอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า คำคุณศัพท์หรือ Adjective อีกด้วย และสำหรับคำคุณศัพท์นี้นั้นมีความหมายอย่างไร มีคุณสมบัติในการใช้และวิธีใช้อย่างไร เราสามารถติดตามได้จากบทความต่อไปนี้ครับ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนไม่น้อยเลยทีเดียว

คำคุณศัพท์คืออะไร
          คำคุณศัพท์หรือ Adjective มีความหมายคือคำที่ใช้ในการขยายคำนามหรือคำสรรพนาม เพื่อบอกให้รู้ถึงสภาพและลักษณะ อีกทั้งยังสามารถใช้ขยายคำแบบอื่นๆให้กลายเป็นลักษณะของคำคุณศัพท์ได้อีกด้วย และต่อมานะครับ เราจะมาเรียนรู้ถึงการใช้คำคุณศัพท์กันครับว่าใช้กันอย่างไรให้ถูกหลัก

วิธีการใช้คำคุณศัพท์
เราสามารถใช้คำนามที่นำ suffix มาเติมท้ายคำนามเพื่อทำให้คำนามกลายเป็นคำคุณศัพท์ได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
Education = Educational
Gold = Golden
Fool = Foolish
Friend = Friendly
Danger = Dangerous
หากลองสังเกตดูแล้ว ความหมายของแต่ละคำของคำนามจะเปลี่ยนไปนะครับ อย่างเช่นคำว่า Gold ที่แปลว่าทอง พอเติม suffix อย่าง en ตามท้ายลงไป จนกลายเป็น Golden จะแปลว่าทำด้วยทอง หรือ Danger ที่แปลว่าอันตราย และเมื่อเติม ous เข้าไปก็จะกลายเป็น Dangerous ที่แปลว่า เป็นอันตราย นี่เป็นหลักในขั้นพื้นฐานของ Adjective นะครับ

และต่อมาเรามาดูการใช้คำคุณศัพท์ที่เป็นการนำเอา Verb หรือกริยามาเติม suffix เข้าไปเพื่อทำให้คำกริยากลายเป็นคำคุณศัพท์กันนะครับว่ามีคำว่าอะไรบ้าง
Talk = Talkative
Sleep = Sleepy
Differ = Different
Accept = Acceptable
Wash = Washable
Rain = Rainy
จะสังเกตได้ว่าเพียงแค่เติม y หรือ able ลงไป คำกริยาบางคำความหมายจะเปลี่ยนเป็นคำคุณศัพท์ทันที อย่างเช่น Talk ที่แปลว่าพูด แต่พอเติม suffix เป็น Talkative เข้าไป ความหมายจะเป็นช่างพูด หรือ Sleep ที่เติม y เข้าไป ก็จะกลายเป็น sleepy ที่มีความหมายว่าง่วงนอน หรือ Differ ที่แปลว่าแตกต่าง แต่เมื่อเป็น Different จะแปลได้ว่าความแตกต่าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น